วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

บทที่2 ประวัติความเป็นมา ต่อ

ยุคจูแรสสิก (Jurassic) 135-190 ล้านปี 

         ไดโนเสาร์ ครอบครองโลกได้สำเร็จในตอนปลายยุคไตรแอสสิก จนเมื่อเข้าถึงยุคจูราสสิก พวกมันก็ขยายเผ่าพันธุ์ไปทั่วโลก ในยุค นี้ผืนแผ่นดินถูกปกคลุมด้วยพืชขนาดยักษ์จำพวกสนและเฟิร์น อย่างไรก็ตามได้เริ่มมีพืชดอกปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงกลาง ของยุคนี้นับว่าเป็นจุดเริ่มของการขยายพันธุ์รูปแบบใหม่ของพวก พืช ในยุคจูราสสิกนับได้ว่าเป็นยุคที่พวกไดโนเสาร์คอยาวตระกูลซอ โรพอด(Sorropod)ขยายเผ่าพันธุ์อย่างกว้างขวางพวกมันเป็น ไดโนเสาร์ ขนาดยักษ์ สายพันธุ์ที่รู้จักกันดีก็คือ บราคคิโอซอรัส (Brachiosaurus) ดิโพลโดคัส(Diplodocus) และอะพาโทซอรัส (Apatosaurus)หรือ อีกชื่อคือบรอนโตซอรัสนอกจากนี้ยังมีชนิด อื่นๆอีกมากมายสัตว์ยักษ์เหล่านี้ครั้งหนึ่งถูกมองว่า เป็นสัตว์ที่โง่ และไม่อาจป้องกันตัวจากสัตว์นักล่าได้ทว่าในปัจจุบันนักโบราณคดี ชีววิทยา(paleontology)เชื่อ ว่าพวกมันใช้หางที่หนา หนักศัตรูที่มา จู่โจมซึ่งนับว่าเป็นการตอบโต้ที่น่ายำเกรงไม่น้อยและเพราะหางที่ยาว และมีน้ำหนักมากนี่เองที่ทำให้พวกมันต้อง มีคอยาวเพื่อสร้างสมดุลย์ ของสรีระของมัน

ยุคคริเตเซียส  (Cretaceous) 65-135 ล้านปี

        ยุค ครีเตเชียสเป็นยุคที่ต่อจากยุคจูแรสสิก สัตว์เลื้อยคลานเจริญมากในยุคนี้ ที่ประเทศญี่ปุ่นก็มีการค้นพบที่จังหวัดฟุกุชิมาได้แก่ พวกไดโนเสาร์คอยาว โมซาซอรัส เป็นพวกกิ้งก่าทะเล อาเครอน เป็นพวกเต่าอาศัยอยู่ในทะเล บนท้องฟ้าก็มี เคอาร์โคโทรุสซึ่งมีขนาดปีกยาวถึง 15 เมตร บินอยู่มากมาย ยุคนี้เป็นยุคที่ไดโนเสาร์มีการพัฒนาตัวเองอย่างมาก พวกซอริสเชียนที่กินเนื้อ มีตัวขนาดใหญ่ได้แก่ อาร์บาโตซอรัส ไทแรนโนซอรัสปรากฎในยุคนี้มีลักษณะ ดังนี้ ไทแรนโนซอรัสนั้นมีเล็บที่ขาหลังใหญ่โตและมีฟันแหลมยาวประมาณ 10 เซนติเมตร เพื่อใช้จับเหยื่อพวกซอริสเชียน ที่กินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหารก็ได้แก่ ออนิโตมิมัส พวกออร์นิธิสเชียนมักจะเป็นพวกกินพืช พวกที่ถูกค้นพบครั้งแรก ก็ได้แก่ อิกัวโนดอน แล้วก็พบ ฮิพุชิโรโฟดอน และ ฮาโดโรซอรัส พวกออร์นิธิสเชียน ได้แก่ ไทรเซอราทอปส์ สเตโกซอรัส แองคีลอซอรัส พบเจริญอยู่มากมาย แต่ว่าก่อน จะหมดยุคครีเตเชียส นั้นอากาศก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไดโนเสาร์ บางพวกเริ่มตายลงและ สูญพันธุหลังจากไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปแล้ว สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมก็มีบทบาทขึ้นมาบนโลก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น